บางครั้งเราเล่น Internet ค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์อยู่ดีดีก็มี Error Code เด้งขึ้นมาที่หน้าเว็บไซต์เราซะอย่างนั้นหลาย ๆ คนที่สงสัยว่า Error Code นั้นมันมีความหมายว่าอะไรกันบ้างวันนี้ลองมาดูความหมายของแต่ละ Error Code กันดีกว่าครับ
การแบ่ง Error Code ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้นะครับ
- รหัสขึ้นต้นด้วย 4xx แบบนี้คือปัญหาจะเกิดจากฝั่งของผู้ใช้งานครับ
- รหัสขึ้นต้นด้วย 5xx แบบนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝั่ง Server ครับ
ตัวอย่าง Error Code ที่ขึ้นต้นด้วย 4xx ที่เราพบบ่อย ๆ จากฝั่งของผู้ใช้งานก็จะมีดังนี้ครับ
Error Code | Name | Detail |
400 | Bad Request | Request ที่ส่งมายัง Server ไม่ถูกต้องหรือไม่สามารถดำเนินการตาม Request นั้นได้ |
401 | Unauthorized | การพิสูจน์ตัวตนล้มเหลว เช่น อาจใส่ Username/Password ผิดหรือเราไม่มีชื่อบัญชีหรือไม่ได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซต์นั้น (เกิดขึ้นตอน Login เข้าระบบสมาชิก) |
403 | Forbidden | ห้ามไม่ให้เข้าถึงหน้านั้น |
404 | Not Found | ไม่พบหน้าเว็บนั้นบน Server ซึ่งรหัส Error นี้จะพบเห็นบ่อยอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเราจะเห็นข้อความทำนองนี้เช่น “The page canot be found.” หรือ “The request URL was not found on this server.” เป็นต้น |
408 | Request Timeout | Server ไม่ตอบสนองเป็นเวลานานมากจนหมดเวลา |
ตัวอย่าง Error Code ที่ขึ้นต้นด้วย 5xx ที่เราพบบ่อย ๆ จะมีดังนี้ครับ
Error Code | Name | Detail |
500 | Internal Server Error | Error นี้มักพบบ่อย เป็นปัญหาที่เกิดจาก Server แบบไม่รู้สาเหตุส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น เช่นปัญหาการ Deploy ระบบล้มเหลวหรือ Server ล่ม ฯลฯ |
502 | Bad Gateway | เครื่อง Server ที่เป็น Gateway หรือ Proxy ได้รับข้อความตอบรับที่ผิดพลาดจากเครื่อง Server ที่อยู่เบื้องหลัง (เป็นความผิดพลาดระหว่าง Server ด้วยกันเอง) |
503 | Service Unavailable | เครื่อง Server ใช้งานไม่ได้อาจเนื่องมาจากคนเข้ามาใช้งานเยอะหรื่อเครื่อง Server ทำงานหนักตัวอย่างที่ผู้สอบหลายแสนคนพยายามดูผลสอบจากเว็ฐประกาศผลสอบแล้ว Server รับไม่ไหวจึงล่ม |
ทีนี้ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราก็จะสามารถอ่าน Error Code ที่เราชอบพบตอนเราเข้าใช้งาน Website บนโลก Internet ได้อย่างเข้าใจแล้วครับ
Facebook Comments